ผ้าปูที่นอนในค่ำวันแต่งงาน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ สีของชุดเครื่องนอนแสดงถึงความเป็นคุณ สีที่ทำให้บ่าวสาวรู้ถึงความอบอุ่นและนำพาไปสู่การเริ่มชีวิตสมรสของสามีภรรยาที่ราบรื่นและความมีสุข
[img]http://www.best4bed.com/image/catalog/data/toto-TT344.jpg[/img]

สีของชุดผ้าปูที่นอนในงานแต่งงาน ไม่มีสีที่กำหนดแน่ชัดว่าต้องเป็นสีอะไร แต่ให้เลือกตามความสมควรสำหรับคู่บ่าวสาวชาวไทย อย่างเช่น สีชมพู สีฟ้า หรืออาจจะเป็นสีตามรสนิยมของคู่แต่งงาน แต่ที่นิยมเลือกกัน ส่วนมากจะเป็นโทนสีที่ออกสว่าง ทำให้ฟูกดูน่านอน แต่ถ้าเป็นงานมงคลสมรสของบ่าวสาวที่เป็นชาวจีน หรือมีเชื้อสายจีน ชุดผ้าปูที่นอนของคู่บ่าวสาว ต้องเป็นสีแดงอย่างเดียวเท่านั้น
งานสมรสนั้นเป็นพิธีการมงคล การที่มีการจัดพิธีสมรสขึ้นนั้นก็เพื่อให้ หญิงชายที่พร้อมจะครองชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว ได้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างถูกต้องตามจารีตประเพณีและมีญาติผู้ใหญ่หรือคนใกล้ชิดมาร่วมพิธีกันเพื่อแสดงความยินดีและเป็นประจักษ์พยาน พิธีแต่งงานในยุคปัจจุบันก็ต่างไปจากสมัยเก่าอย่างมาก อย่างเช่นการจัดงานแต่งแบบหลายๆคู่ในเวลาเดียวกัน ก็เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ยิ่งเป็นช่วงของเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีแบบนี้แล้วด้วย แต่การแต่งงานนั้นมิใช่แค่มีงานเลี้ยงสังสรรค์ ถ่ายรูป หรือว่าพบปะผู้คน นะคะ หลังจากสิ้นสุดงานทุกอย่างแล้วการส่งตัวเข้าเรือนหอก็สำคัญนะคะ มิใช่แค่ส่งตัวคู่แต่งงานแล้วก็จบ มันยังมีพิธีการที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งด้วยหากเราไม่กระทำพิธีนี้ พิธีมงคลสมรสก็ไม่เสร็จสมบูรณ์ นั่นก็คือพิธีส่งตัว และ พิธีปูที่นอน พิธีพวกนี้ใช่ว่าใครจะทำก็ได้นะคะ แต่ต้องเป็นคู่ชีวิต ที่รักกันมานานอยู่กันจนแก่เฒ่า มีครอบครัวที่อบอุ่นและมั่นคง ส่วนผ้าปูที่นอนนั้นตามจารีตประเพณีไทยแล้วไม่จำกัดคะว่าต้องเป็นสีอะไร แต่ให้เลือกตามความเหมาะสมคะอย่างเช่น สีชมพู สีฟ้า หรืออาจจะเป็นสีตามความพอใจของคู่แต่งงาน แต่ถ้าเป็นพิธีมงคลสมรสของคนประเทศจีน เขาจะจำกัดมาเลยนะคะว่าชุดผ้าปูที่นอนของคู่แต่งงาน ต้องเป็นสีแดงเท่านั้น และก็ต้องทำพิธี ฤกษ์เรียงหมอน โดยบนเบาะจะประกอบด้วย แมวคราว ฟักเขียว ถุงเงิน-ทอง หินบดยา ที่บรรจุถั่วเขียว งาดำ ข้าวตอก ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย หรือดอกไม้ต่างๆที่มีชื่อมงคล และหยิบถั่ว งา ดอกไม้ โปรยไว้บนที่นอน และหลังจากนั้นให้ผู้ทำพิธีขึ้นไปนอน เพศชายต้องนอนทางขวามือของผู้หญิง แล้วให้ทำเหมือนหลับไปสักประเดี๋ยว แล้วก็แสร้งว่าเราพึ่งตื่น และก็คุยกันเรื่องราวดีๆที่เป็นสิริมงคล แล้วก็ลุกขึ้นจากเตียงนอน แล้วมาจูงมือคู่สมรสทอดตัวบนเตียง พูดประสาทพร แล้วก็ออกจากเรือนหอ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีของการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว พิธีนี้จะเป็นพิธีหลังสุดของการแต่งงาน ถ้าคู่บ่าวสาววิวาห์กันแล้วไม่ได้ทำพิธีนี้ ก็ถือว่าการแต่งงานยังไม่เสร็จบริบูรณ์คะ การที่เราจะวิวาห์นั้น ก็คือการที่เราพร้อมที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันชั่วลูกชั่วหลาน จะร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน การตกลงใจเลือกคู่สมรสนั้นสำคัญยิ่งแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือชายก็ตาม